เมื่อพูดถึง "นาค" หลายคนมักจะคิดว่ามันเป็นเพียงสัตว์ในเทพนิยาย เป็นเรื่องเล่าปรัมปราที่ไม่มีอยู่จริง
ก่อนอื่น เราควรมาทำความรู้จักคำศัพท์ที่ใกล้เคียงกับคำว่า Naga นั่นคือ Dragon กันให้ดีเสียก่อน โดยความหมายของคำว่า Dragon นักวิชาการตะวันตกให้ความหมายไว้ว่า เป็นสัตว์ในตำนาน เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน เป็นเรื่องลึกลับในหลายวัฒนธรรม
รากศัพท์ของคำว่า Dragon ในภาษาอังกฤษมาจากศัพท์ภาษากรีก-ละตินว่า Drakon-Draconem หมายถึง "งู" (Serpent) ตรงนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า Dragon ยุโรป ถูกยืนยันในภาพลักษณ์ของอสรพิษมานานนับหลายพันปีแล้ว
Drakon (Serpent) ของชาวกรีก
สำหรับศัพท์ภาษานอร์สเรียกว่า Dreki หมายถึง Serpent เหมือนกับกรีก-ละติน
เครื่องราง Dreki ของชาวนอร์ส
กลุ่มดาวเดรโก
Draco Constellation
ปีงูใหญ่ (龍年)
Year of the Dragon
ส่วนคำว่า "นาค" ในภาษาไทย มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตว่า "Naga" อันหมายถึง "งู" (Serpent) เช่นเดียวกัน
กล่าวง่ายๆ ก็คือ Naga กับ Dragon เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่เรียกชื่อแตกต่างกันไปตามแต่ละภาษาของผู้คนในภูมิภาคนั้นๆ เหมือนกับ Zeus กับ Indra หรือ Poseidon กับ Varuna และ Hades กับ Yama นั่นเอง
เรือไวกิงหัวเรือรูป Dragon
เรือไทยหัวเรือรูป Dragon
เรื่องราวของ Dragon มีปรากฏอยู่ในตำนานทั่วทั้งโลก และสำหรับทวีปเอเชียมีคำเรียก Dragon ในภาษาต่างๆ ดังนี้
1.อินเดีย - नाग (Nāga)
2.จีน - 龍 (Lóng)
3.ญี่ปุ่น - 竜 (Ryū)
4.เกาหลี - 용 (Yong)
5.มองโกล - луу (Luu)
6.ทิเบต - འབྲུག (Druk)
7.กัมพูชา - នាគ (Neak)
8.พม่า - နဂါး (Nagar)
9.ลาว - ນາກ (Nak)
10.ไทย - นาค (Nak)
11.เวียดนาม - Rồng
12.มาเลเซีย - Naga
13.อินโดนีเซีย - Naga
คำว่า "นาค" (नाग) ที่หมายถึง "งู" (Serpent) คนละความหมายกับคำว่า "นคฺค" (नग्ग) ที่แปลว่า "เปลือยกาย" (Naked)
YT: นาคยอร์มุนกานดร์
Dragon Jormungandr
ในคัมภีร์พุทธศาสนากล่าวถึงนาคไว้หลายตอน งูวิเศษชนิดนี้มีอิทธิฤทธิ์ มีพิษร้ายแรงกว่างูทั้งหลาย สามารถพ่นควันได้ พ่นไฟได้ พ่นพิษได้ เหาะเหินไปในอากาศได้ แปลงกายเป็นมนุษย์ก็ได้ และเมืองไทยไม่ใช่ที่เดียวที่มีมิติคู่ขนานที่เรียกกันว่า "โลกทิพย์" ในทวีปอื่นๆ บนโลกนี้ พวกเขาก็มีเรื่องราวของสัตว์ในเทพนิยายเหมือนกันกับเรา อยู่ในภพภูมิทิพย์เหมือนกัน แต่อาจเรียกต่างกันไปตามภาษาพื้นเมืองของเขา ที่ซึ่งเขาเคารพนับถือบูชากันมาเป็นพันปีหมื่นปีแล้ว เช่น นาคจีน (หลง-龍) หรือนาคญี่ปุ่น (ริว-竜) เป็นต้น
นาคมีถิ่นที่อยู่ตามบันไดเวียนชั้นที่ 1 รอบๆ เขาพระสุเมรุ ตรงส่วนที่จมลงในมหาสมุทรสีทันดร และบางส่วนอยู่บนโลกมนุษย์ โดยมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในทะเล ในมหาสมุทร ไปจนถึงในอากาศ
นาคเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในท้าวโลกบาลแห่งจาตุมหาราชิกา โดยมี 4 ประเภทใหญ่ ได้แก่
1.วิรูปักษ์ (นาคสีทอง)
2.เอราบถ (นาคสีเขียว)
3.ฉัพยาบุตร (นาคสีรุ้ง)
4.กัณหาโคดมก์ (นาคสีดำ)
(จริงๆ นาคนั้นมีหลายสีหลายประเภท แต่ที่เด่นๆ ใหญ่ๆ มีแค่สี่ประเภท)
นาคมีทั้งที่เสพกามคุณและทั้งที่ไม่เสพกามคุณ มีอายุสั้นบ้าง อายุยืนนานบ้าง
เวลาที่ต้องการท่องเที่ยวไปในมนุษย์โลก บางทีก็ไปในร่างกายเดิมของตน บางทีก็เนรมิตกาย เป็นเสือ เป็นราชสีห์ เป็นมนุษย์ ฯลฯ แล้วจึงท่องเที่ยวไป
และถึงแม้จะเนรมิตกายเป็น "มนุษย์" ได้ แต่ก็ไม่สามารถจะคงร่างเนรมิตไว้ได้ตลอดไป เพราะจะต้องปรากฏร่างเป็นนาคตามเดิม เมื่ออยู่ในอาการประจำ 5 อย่าง คือ
1.ในขณะปฏิสนธิ (เมื่อเกิด)
2.ในขณะลอกคราบ (เหมือนงูทั่วไป)
3.ในขณะเสพเมถุนกับนางนาค
4.ในขณะนอนหลับโดยปราศจากสติ
5.ในขณะตาย
นาคมีวิชาเวทมนตร์คาถาต่างๆ ด้วย ชื่อว่าวัตถุวิชา คือ วิชาที่เสกวัตถุให้เป็นไปตามปรารถนา เช่น วิชาเสกใบไม้เป็นนก เสกใบมะขามเป็นแตน-ต่อ ฯลฯ และภูมิวิชา คือ วิชาเสกสถานที่หรือวัตถุให้เป็นที่อยู่อาศัย เช่น วิชาเสกท้องทะเล เสกมหาสมุทร ให้เป็นนาคพิภพ เป็นที่ตั้งวิมานและทิพยสมบัติต่างๆ เป็นต้น
นาคถ้ำ (Cave Dragon)
นาคมีทั้งที่เป็นสัมมาทิฏฐิ (ใจดี) และที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ (ดุร้าย) ซึ่งในตำนานโลกยุคโบราณก่อนสมัยพุทธกาล นาคถือเป็นสัตว์ร้ายและอันตราย คนโบราณจึงกลัวกันมาก เช่น ชาวยุโรป ชาวอินเดีย ชาวอุษาคเนย์ หรืออย่างชาวเมโสอเมริกาที่กลัวจนบูชานาคให้เป็นเทพ Quetzalcoatl
นาคเกวตซัลโกอัตล์
Dragon Quetzalcoatl
ตรงนี้ ในฝั่งตำนานของยุโรปจะมองว่านาคเป็นสัตว์ดุร้ายค่อนข้างชัดเจนกว่าฝั่งเอเชียหรือฝั่งเมโสอเมริกาที่มองว่านาคยังคงเป็นสัตว์เทพ ยิ่งยุโรปในสมัยที่มีศาสนาคริสต์เข้ามาจะยิ่งชัดเจน เพราะตามคำภีร์ไบเบิลนั้น Serpent คือปีศาจร้ายซาตานจำแลงกายมาล่อลวงอดัมกับอีฟ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเลวทราม ซึ่ง Drakon กับ Draconem มันหมายถึง Serpent ด้วย จึงถูกจัดให้อยู่ในฝ่ายชั่วร้าย ต้องโดนปราบ ยิ่งนาคหลายเศียรยิ่งชั่วร้าย เช่น Leviathan เป็นต้น กลายเป็นที่มาของนิทานพื้นบ้านยุโรปเรื่องอัศวินปราบนาค (Knight vs Dragon)
อัศวินปราบนาค
Knight vs Dragon
พระภิกษุปราบนาค
Monk vs Dragon
วานรินทร์ปราบนาคราช
Monkey King vs Dragon King
นาคนั้นมีอยู่ทั่วโลกทุกประเทศ ในทะเลก็มี (นักเดินเรือโบราณจึงกลัวนาคในมหาสมุทรกันเยอะ) บนท้องฟ้าก็มี ตามป่าตามเขาตามถ้ำก็มี ฯลฯ เป็นต้น
นาคทะเล (Sea Dragon)
สำหรับบั้งไฟนาคา (神龍吐火) นั้น เป็นฤทธิ์แค่ระดับเล็กน้อยที่นาคสามารถทำได้ เป็นของธรรมดา ไม่น่าตื่นตาตื่นใจอะไร ถ้านาคใช้ฤทธิ์จริงๆ จะบันดาลฝนก็ได้ ทำให้ฝนแล้งก็ได้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุก็ได้ ฯลฯ
YT: บั้งไฟนาคา (神龍吐火)
Dragon Fireballs
แก้วนาคา (龍珠)
Dragon Ball
มณีนาคา (龍寶石)
Dragon Gem
เทพนาคา (神龍)
Dragon God
เรื่องฤทธาศักดานุภาพหรืออภินิหารเป็นของเฉพาะตัวนาคที่เขาสามารถทำได้ ส่วนเขาจะทำหรือไม่ทำนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้เรื่องเล็ก เพราะเขาทำเห็นกันเอง รู้กันเอง สัมผัสกันเอง ส่วนมนุษย์ไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้ และไม่ได้สัมผัส แต่การที่เขาจะทำฤทธิ์ให้มนุษย์เห็นได้นั้น เขาต้องอาศัยสื่อที่มองเห็นได้ ที่สัมผัสได้สำหรับมนุษย์ มนุษย์ถึงจะรู้ได้สัมผัสได้ เช่น การบันดาลให้ฝนตก เขาก็ทำโดยอาศัยน้ำฝนเป็นสื่อ เป็นต้น หรือถ้าทำในทางไม่ดีก็ทำให้ฝนแล้ง หรือทำให้น้ำท่วม
ส่วน "มังกร" (Makara) คนอินเดียจัดให้ตรงกับ "แคปริคอร์น" (Capricorn) ของตะวันตก เป็นพวกแพะทะเล (Sea Goat)
ซึ่ง "มังกร" มาจากคำว่า "มกร" แปลตามรากศัพท์ได้ว่า ปลาที่ส่ายหน้าเมื่อถูกจับ เรียกในภาษาจีนว่า "โม๋เจี๋ยจั้ว" (摩羯座) และในภาษาอังกฤษว่า "แคปริคอร์น" (Capricorn) เป็นสัตว์น้ำประเภทหนึ่ง ไม่ใช่ "หลง" (龍-龙) หรือ "ดรากอน" (Dragon)
ส่วน "นาค" กับ "ดรากอน" นั้นเหมือนกัน แปลตามรากศัพท์ได้ว่า "งู" (Serpent) ดังที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น
มังกร (摩羯座)
Capricorn
สำหรับ "นาคจีน" หรือ "หลง" (龍-龙) นั้น รากศัพท์ของจีน หมายถึง สัตว์บินที่ตัวงอแบบช้อน ซึ่งก็คือ "งู" (蛇) อันตรงกับรากศัพท์ Dragon ในภาษาอังกฤษที่หมายถึง Serpent
匕 แปลว่า ช้อน เห็นชัดสุดในคำว่า 龙 [นาค] กับ 蛇 [งู]
(ในสารคดีลุ่มแม่น้ำโขงได้บอกเอาไว้ว่า ต้นสายของแม่น้ำบนสุด เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่คนจีนเชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยของหลง)
YT: นาคเหินฟ้า (飛龍)