ตอนนี้มี
Reboot Project ออกมา เพราะว่าตัว RPG Maker MV ได้เปิดตัวออกมาแล้ว หลายคนคงได้ลองใช้กันแล้ว สำหรับผม ซึ่งไม่มีความรู้ด้านการเขียนเกมหรือโปรแกรมเลย แต่ก็อยากช่วยด้วยเหมือนกัน ด้วยการให้ไอเดียดีๆ ผมถนัดการวิเคราะห์สื่อเชิงจิตวิทยา มองมันให้ลึกกว่าที่มันเป็น วันนี้ผมเลยจะมาเขียนวิเคราะห์เกม The Beginner's Guide "เกม" ที่เกี่ยวกับการสร้างเกม มาให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกัน...
คนสร้างเกมนี้คือ Davey Wreden ซึ่งแฟนพันธุ์แท้ของเขา น่าจะรู้จักเขาในฐานะหนึ่งในทีมงานผู้สร้างเกม
The Stanley Parable เกมแรกของเขา ซึ่งเป็นเกมสุดกวนประสาทที่เปลี่ยนเขาจากคนสร้างเกมธรรมดาคนนึง มาเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน เกมของเขามีเอกลักษณ์เด่นตรงที่มันเป็นเกมขายไอเดีย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผู้เล่นทำได้ในเกมทั้งหมด จึงมีแค่การ "เดิน" (Walking Simulators) กับเลือกทางเดินในเกมเพียงเท่านั้น ไม่มีฉากต่อสู้ ปริศนายากๆ หรือระบบอะไรซับซ้อนเลย แต่เกมของเขากลับมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมาก รูปแบบเกมของเค้าจะออกแนวชวนให้ผู้เล่นคิดตาม และดึงตัวผู้เล่นเองมาเป็นมาเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องเอง ไม่อาศัยการสวมบทตัวละคร (Role-playing) ตัวเกมจึงแหกกฎ ทำลายกำแพงตัวเองบ่อยมาก (Break the Fourth Wall) ซึ่งจะเห็นได้ตลอดเวลาในเกมของเขา แต่สำหรับเกมที่ 2 ของเขานี้ ถึงแม้ยังคงรูปแบบเดิม แต่การทำลายกำแพงของเค้าไปไกลกว่านั้นมาก เพราะมันไปถึงการทำลายกำแพงน้ำแข็ง (Break the Ice) เพื่อเข้าถึงอารมณ์และความคิดของผู้เล่นไปอีกขั้น
The Beginner's Guide เป็นเกมเกี่ยวกับการสร้างเกม เรื่องมีอยู่ว่า Davey (คนสร้างเกมเอง?!) ได้รู้จักกับเพื่อนนักพัฒนาเกมคนหนึ่งชื่อ "Coda" ซึ่งสร้างเกมได้น่าสนใจมาก แต่สร้างไม่เคยเสร็จ แถมยังไม่ชอบเผยแพร่เกมตัวเองอีก Davey อยากช่วยเพื่อน ก็เลยนำเกมของ Coda มามัดรวมกันแล้วเอามาขายบน Stream เพื่อให้คนทั้งโลกได้เล่นและเห็นถึงความสามารถของ Coda แถม Davey ยังบันทึกเสียงตัวเองลงในเกม เพื่อบรรยายข้อมูลเบื้องหลังเกี่ยวกับเกมต่างๆ และบอกเล่าความคิดเห็นส่วนตัวของเขา ที่มีต่อเกม และคนสร้างเกมด้วย
"The Beginner's Guide" แปลตรงๆ มันก็คือ "คู่มือเริ่มต้น" สำหรับอะไร? หากลองอ่านเรื่องย่อคร่าวๆ จะเข้าใจว่าคู่มือเริ่มต้นสำหรับการสร้างเกม แต่เอาเข้าจริงๆ มันไปไกลถึงขั้นคู่มือเริ่มต้นสำหรับการเข้าใจมนุษย์ด้วย หากใครอ่านเรื่องย่อแล้วสนใจ แนะนำให้ไป
ซื้อแล้วโหลดมาเล่นเองเลยครับ เพราะจากนี้ไป ผมจะสปอยและวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมด และการเล่นเกมนี้ให้สนุก ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมเลยจะดีที่สุดครับ...
-------------------- เริ่มต้น Spoil เนื้อเรื่อง --------------------
เปิดเรื่องมา Davey ก็ทำการแนะนำตัวเอง บอกเล่าว่าตัวเองกับ Coda มารู้จักกันได้อย่างไง และบอกว่าเขาจะพาผู้เล่นมาเล่นเกมต่างๆ ของ Coda โดยไล่ตั้งแต่เกมแรกที่ Coda สร้างมาเลย ซึ่งเกมแรกที่ว่านี่ก็คือ Custom Map ของเกม Counter-Strike เกม FPS สุดดังในยุคแรกๆ ผู้เล่นก็ได้เดินไปมารอบๆ map อันว่างเปล่า พร้อมกับที่ Davey แนะนำให้คนเล่นสังเกตถึงกล่องต่างๆ ที่มักลอยอยู่ในที่แปลกๆ และ Textures ที่ขาดๆ เกินๆ ที่ Coda จงใจใส่ไว้ใน map นี้ Davey คิดว่ามันน่าสนใจ และแอบซ่อนความหมายบางอย่าง เมื่อเวลาผ่านไปซักพัก Davey ก็ restart เกม และพาคนเล่นไปยังเกมอื่นๆ ต่อไปที่ Coda ได้สร้างไว้ ผ่านไปหลายเกม เกมนี้ก็มาถึง...
Map ของเกมนี้ไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากตึกสูงๆ กับบันไดยาวๆ อย่างที่เห็นในภาพ Davey บอกให้คนเล่นเดินขึ้นบันได แต่พอไกล้จะถึง ผู้เล่นกลับเดินช้ามาก จนแทบเหมือนคลาน Davey บอกว่า Coda โปรแกรมมาแบบนี้ เพราะไม่อยากให้ผู้เล่นขึ้นไปถึงห้องด้านบนได้ แต่ Davey ก็ทำการโกง โดยการบอกว่าให้คนเล่นกดปุ่ม Enter แล้วความเร็วเราจะกลับมาเหมือนเดิม
จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่น่าสังเกตของเกม Davey วิเคราะห์จากเกมบันไดว่า Coda เป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบให้คนอื่นมารู้จักตัวเองมากไป แต่ Davey ก็ทำการโกงเกมให้คนเล่น เพื่อให้คนเล่นไปถึงด้านบนได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันขัดกับจุดประสงค์ของเกมที่ Coda ต้องการ แต่ Davey ก็ยังจะทำเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เล่นเอง การกระทำของ Davey ครั้งนี้ มันเป็นคำใบ้ถึงการยอมสละจิตวิญญาณของเกม เพื่อให้เกมขายง่ายขึ้น เอาเล่นสนุกไว้ก่อน เรื่องอื่นชั่งมัน ซึ่งต่อมาเราจะได้เห็น Davey โกงเกมเพื่อคนเล่นมากขึ้น ทั้งที่บอกคนเล่นตรงๆ และแอบทำโดยคนเล่นไม่รู้ ซึ่งการกระทำนี้มันส่งผลโดยตรงต่อตัว Coda อย่างแรง
ต่อมาเราได้เห็นเกมของ Coda มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงรูปแบบเกมมันจะกระจัดกระจาย แต่ Davey บอกว่ามันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด Davey คิดว่า Theme หลักๆ ของเกม Coda ทั้งหมด จะเป็นเรื่องความโดดเดียว โรคซืมเศร้า การรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ความลำบากในการสื่อสารทางอารมณ์กับผู้อื่น และความกดดันที่ Coda รู้สึกระหว่างสร้างเกมเหล่านี้ แต่เรื่องจริง Coda ได้คิดแบบนั้นหรือเปล่า? จากเกมบันไดมา Davey ก็ทำการปรับเปลี่ยนเกมของ Coda ไปเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือความตั้งใจเดิมที่ Coda ต้องการ Davey จงใจใส่เสาไฟลงในตอนจบของทุกเกมของ Coda เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเป้าหมายเกม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา Davey กลับบอกว่า Coda ใส่ไว้เอง มันเกิดอะไรขึ้น? นี่คือจุดสำคัญที่กำลังบอกใบ้คนดูถึงความเชื่อถือไม่ได้ของผู้เล่าเรื่อง (Unreliable Narrator) ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไง คนเล่นต้องตัดสินเองซะแล้ว...
เมื่อถึงช่วงท้ายๆ ของเกม เราก็พบความจริง ว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา Davey ไม่ได้ติดต่อกับ Coda อีกเลย Davey คิดว่า Coda โกรธอะไรบางอย่างเขาอยู่ Davey คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ Coda เลิกสร้างเกม แต่แล้ว... Davey ก็ได้รับ E-mail จาก Coda ที่แนบเกมสุดท้ายมาด้วย!
เกมนี้พิเศษกว่าเกมอื่น เพราะมันเป็นเกมที่ไม่ได้ถูกสร้างมาให้เล่น เกมนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคสารพัดอย่างที่เป็นไม่ได้เลยที่คนเล่นจะไปต่อได้ ทั้งเขาวงกตล่องหนที่โดนกำแพงแล้วต้องกลับมาเริ่มใหม่ รหัสเซฟเลข 10 หลักที่ไม่มีคำไบ้ ประตูที่ไม่มีกุญแจไข แต่ Davey ก็ยังคงนิสัยเดิม หาวิธีโกงสารพัดเพื่อให้คนเล่นผ่านไปได้ จนสุดท้ายก็มาถึงห้องสุดท้ายของเกม... จดหมายจาก Coda ถึง Davey
Coda ไม่พอใจที่ Davey แอบนำเกมของเขาไปเผยแพร่ โดยที่เขาไม่ต้องการ แถม Davey ก็ยังปรับเปลี่ยนเกมโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของตัว Coda เองอีก Davey คิดไปเองว่าตัวเขาเข้าใจจิตใจ Coda ทุกอย่าง ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจเลย Coda ไม่ได้มีภาวะซึมเศร้า แต่เป็นตัว Davey เองที่รู้สึกอย่างนั้นแล้วสะท้อนมันลงไปในเกม Coda ต่างหาก! เมื่อ Davey ได้อ่านข้อความนี้ เขาก็เศร้าและบอกความจริงว่าที่เขาเกม Coda มาขาย ก็เพื่ออยากให้ Coda สนใจ ให้อภัยเขา และกลับมาเป็นเพื่อนเขาดังเดิม เขาไม่ตั้งใจจะทำร้าย Coda และหวังให้คนเล่นเข้าใจจุดประสงค์ของเขา
-------------------- จบส่วน Spoil เนื้อเรื่อง เข้าสู่บทวิเคราะห์เกม --------------------
เป็นไงบ้างครับสำหรับเนื้อเรื่องเกมนี้? ถ้าสนใจลองไปเล่นเองเลยครับ หรือหาดูตาม youtube ก็ได้ เนื้อเรื่องจริงๆ มันละเอียดกว่านี้เยอะ แถมยังสะเทือนอารมณ์มากๆ เล่นเอาหลายคนถึงกลับร้องไห้เลย (ผมก็ด้วย... T_T) ด้านบนผมแค่เล่าคร่าวๆ ครับ คราวนี้มาวิเคราะห์เกมกันดีกว่า
จะเห็นว่าเนื้อเรื่องเกมนี้ มันไม่ได้สร้างจักรวาลใหม่ แต่ใช้เป็นโลกแห่งความจริงเลย ความสัมพันธ์ของ Davey กับ Coda คือเนื้อเรื่องหลักของเกมนี้ ที่ทำหลายคนอินไปตามๆ กัน ถึงขนาดมีคนจำนวนมากขอ Refund เกมและด่า Davey ที่เอาเกมคนอื่นมาขาย แต่ถ้าผมบอกว่า Coda ไม่มีตัวตนจริงๆ หล่ะครับ?
ความเป็นไปได้ที่ Coda จะเป็นเพื่อนจริงๆ ของ Davey ยังพอมีอยู่ครับ แต่ความเป็นไปได้ที่ Coda เป็นคนสร้างเกมทั้งหมดจริงๆ แทบไม่มีเลยครับ เพราะมันผิดกฎหมาย ที่จะขายเกมคนอื่นในชื่อตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่ความเป็นไปได้เดียว คือ Davey และ Coda คือคนๆ เดียวกันครับ
หลักจากเกมแรกของ Davey "The Stanley Parable" ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาก็กลายเป็นเป้าของสื่อทั้งหลายทั่วโลก มีคำวิจารณ์ คำต่อว่า ความคาดหวังต่างๆ มากมาย พุ่งตรงมาหาเขา ซึ่งสำหรับคนที่ยังใหม่ในวงการนี้แบบเขา มันเกินจะรับไหวครับ ความคาดหวังอันมากเกิน ทำให้เขาเกร็งจนไม่มี idea จะเขียนเกมใหม่เลย แต่สุดท้ายด้วยความฉลาดของเขา ทำไมไม่สร้างเกมเกี่ยวเรื่องนี้ซะเลยหล่ะ?
จากภาพด้านบน นั่นคือตัวแทนของความกดดันจากสื่อที่ Davey ได้รับ, Coda เป็นตัวแทนของตัว Davey ก่อนจะดังด้วยเกม Stanley ที่ยังมีความอยากรู้อยากลอง อยากทำอะไรก็ทำตามใจอยู่, ส่วน Davey (Version ในเกม) คือตัวแทนของตัวเองหลังจากดังแล้ว แต่ต้องมาเจอความคาดหวังมากมายอยู่บนใหล่ตัวเอง ทำให้กดดันมากๆ จนเกิดเป็นโรคซืมเศร้า (อ่านเพิ่มเติม จาก Blog ของ Davey ตัวจริงเลย ได้
ที่นี่ครับ)
มองอีกมุมนึง นี่คือเกมที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนเล่นกับคนสร้างเกม และตลาดผู้บริโภค ที่คนสร้างเกมอยากสร้างเกมตามใจตัวเอง แต่สุดท้ายเพื่อให้เกมขายได้และมีคนสนใจ กลับต้องยอมทิ้งอุดมการณ์ตัวเอง ลดความยากของเกมลง เพื่อเอาใจคนเล่น
นอกจากนี้ เกมยังพูดถึงประเด็น "Death of the Author" หรือความตายของนักเขียน ซึ่งหมายถึงงานสื่อทุกชนิด ทั้งเกม นิยาย ภาพยนตร์ และภาพวาด เมื่อคนเขียนเสร็จงาน และงานไปอยู่ในสังคมให้คนวิจารณ์แล้ว ความหมายที่แท้จริงของงาน ที่ผู้สร้างตั้งใจ มันก็หายไป คนดูเวลาเสพสื่อเหล่านี้ ก็จะพยายามหาความหมายลึกๆ ใส่ลงไป เพื่อหาว่าคนสร้างคิดอะไรอยู่ หารู้ไม่ว่า จริงๆ แล้ว สื่งที่เราคิด มันอาจสะท้อนมาจากความรู้สึกตัวเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป เอาจริงๆ ที่ผมกำลังนั่งวิเคราะห์เกมนี้อยู่ ผมก็กำลังสะท้อนตัวเองลงไปในเกมเหมือนกัน... T^T
-------------------- สรุปเรื่อง --------------------
สำหรับผม นี่เป็นเกมที่เจ๋งมาก ที่กล้าพูดถึงประเด็นที่ลึกซึ้ง อย่างความกดดันที่มีในการสร้างเกม แถมยังสะเทือนอารมณ์สุดยอด นอกจาก Silent hill Series ก็ไม่มีเกมไหนละครับที่ทำผมให้เล่นจบแล้ว ต้องมานั่งคิดเกี่ยวกับชีวิตตัวเองไปอีกหลายวัน...
ถึงผมจะไม่เคยสร้างเกมเอง แต่ผมก็ผ่านการสร้างงานศิลป์แบบอื่นๆ มาบ้าง และล่าสุดกับการแปลเกม Brian's Adventures ที่ไปไกลถึงตลาดโลกแล้ว ถึงผมจะไม่ได้สร้างเกมเอง แต่ผมก็เป็นตัวกำหนดอารมณ์ของเกมใน Version ภาษาอังกฤษ ทำให้ผมรู้สึกถึงความกดดันส่วนหนึ่ง ที่พุ่งมาทางผม ซึ่งเป็นความรู้สึกซึ่งไม่ต่างจาก Davey มากนัก ทำให้ผมเข้าใจเขาและเกมเขามากขึ้น
สำหรับคนอื่นๆ ที่กำลังสร้าง Project ของตัวเองอยู่ อย่าท้อครับ ^^ คนสร้างเกมก็ไม่ต่างจากผู้กำกับหนังหรือละครเลย เกมก็เป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งเหมือนกันในการสื่อสารเนื้อเรื่อง ขอแค่มั่นใจในผลงานตัวเองมากๆ ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนเล่น แต่ก็พยายามคงความตั้งใจเดิมของตัวเองไว้ให้ได้ หากมีปัญหาเรื่อง code ก็มาถามคนที่นี่ ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาอยู่แล้วครับ ขอให้โชคดีครับ...
เครดิต
Stream,
Wikipedia,
Washingtonpost,
Eurogamer