Pages (4):    1 2 3 4   
arkman   12-07-2012, 01:59 PM
#21
SCP-316 เท่าที่เคยอ่านมาแล้ว หมอนี่น่าหมั่นใส้มาก ยังกับยอดมนุษย์ มานั่งกินนอนกินในศูนย์ ก็สมควรที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง

ที่จริงอยากอ่านแปลของ SCP ตัวอื่นๆที่ถูกกำจัดบ้างแล้วจัง เคยอ่านแต่ของ SCP-316 ตัวเดียวเอง

Show ContentSpoiler:
[Image: Signature-Ralph.png]
Kuruni   12-13-2012, 01:55 PM
#22
ดูรูปแล้วทายเล่นๆก่อนนะครับ ว่ามันเป็นอะไร

[Image: SCP-Fuel.jpg]

SCP-697
Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ
ให้เก็บSCP-697ทั้งหมดไว้ในโกดังส่วนVของศูนย์18 ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน40ฟิต และเสริมด้วยเหล็กกล้า ให้แน่ใจว่ามีแต่บุคลากรที่ได้รับอนุญาตจะเข้าไปได้ บุคคลที่พยายามเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นให้กำจัดทิ้งได้ทันทีที่พบ

SCP-697แต่ละชิ้นนั้นถูกเก็บไว้ในตู้สุญญากาศไททาเนียมหนาสี่นิ้ว เพื่อไม่ให้มันทำงานโดยไม่ตั้งใจ การจะเอามันออกจากตู้นั้นอนุญาตให้เปิดได้คราวละสามถังเพื่อใช้ในการทดลองที่ได้รับอนุมัติจากบุคลากรระดับ4แล้วเท่านั้น ไม่ให้นำSCP-697ออกไปนอกศูนย์18ไม่ว่าในกรณีใดๆ หากเกิดการหกรั่วโดยไม่ตั้งใจ ให้อพยพคนจากศูนย์18และเผาทำลายส่วนที่ได้รับผลกระทบ หากมีการรั่วออกมามาก ให้สละศูนย์และทำการปิดกั้นบริเวณเป็นพื้นที่แปดตารางกิโลเมตรโดยรอบ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรั่วหกของSCP-697นอกศูนย์18นั้นอยู่ใน เอกสาร697ธีตา

ลักษณะ
SCP-697เป็นสิ่งที่อยู่ในถังเก็บสารเคมีเป็นพิษจำนวนหนึ่งร้อยถัง ซึ่งมีลักษณะเดียวกับที่ดัสโล a.s ใช้ทิ้งกากของเสีย โดยทั้งหมดอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเกือบสมบูรณ์ และมีสามถังที่ไม่เคยถูกสถาบันหรือบุคคลอื่นเจาะ แต่ละถังนั้นมีสารเคมีที่ยังระบุไม่ได้จนเกือบเต็ม

เมื่อสัมผัสกับสสารอื่นๆนอกจากถัง SCP-697ก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ซับซ้อน ซึ่งเปลี่ยนสสารแข็งในบริเวณรอบๆเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับพืชที่โตเต็มที่แล้วภายในเวลาไม่กี่วินาที เท่ากับเป็นการปรับสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบ สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์นั้นจะแตกสลายเป็นเซลล์เดี่ยวอย่างรวดเร็ว และถูกแปลงเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับพืช ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่ากระบวนการแปลงสภาพสิ่งไม่มีชีวิตนั้นเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีการเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวก่อน ก่อนที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วผิดธรรมชาติจนกลายเป็นเนื้อเยื่อและชิ้นส่วนของ”พืช”

พืชที่เกิดจากSCP-697นั้นไม่มีลักษณะเด่นที่ตรงกับสายพันธุ์ที่รู้จัก แม้ลักษณะที่มองเห็นได้ของมันจะเรียกได้ว่าธรรมดา ลักษณะทางกายภาพของมันต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นมาก มันไม่สังเคราะห์แสง และไม่ต้องการไนโตรเจนหรือคาร์บอนไดอ็อกไซด์ สิ่งที่มันปล่อยออกมาจะเป็นอาร์กอน และก๊าซที่มีพื้นฐานจากโคบอลต์ ยังไม่ทราบที่มาของธาตุเหล่านี้ ซึ่งไม่สามารถพบได้มากพอในสิ่งแวดล้อมทั่วไปของโลก เช่นเดียวกับกระบวนการดูดซับสารอาหาร ซึ่งดูเหมือนจะเร็วกว่าพืชของโลกถึงหกเท่า ขณะที่เขียนรายงานฉบับนี้ วิธีการเดียวที่ช้ำลายมันได้ก็คือการเผาทำลายพร้อมกับรมแก็สนีออน (ดู การทดลอง697-003)

แม้การสัมผัสกับพืชเหล่านี้จะไม่มีอันตรายในระยะแรก การอยู่ใกล้เป็นช่วงเวลานานนั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าอันตรายต่อสัตว์โลกมาก การสูดดมก๊าซที่มันปล่อยออกมาจะทำให้เกิดภาวะผิดปกติของหัวใจและปอด และการสัมผัสกับใบหรือดอกที่เต็มไปด้วยพิษของมันจะทำให้เกิดอาการชาเป็นวงกว้าง ก่อนที่ระบบประสาทและระบบทางเดินหายใจจะล้มเหลว ช่วงเวลาโดยเฉลี่ยนับตั้งแต่เริ่มสัมผัสกับพืชจนเสียชีวิตนั้นอยู่ที่สิบสามชั่วโมง ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาอาการเหล่านี้

นอกจากจะสร้างสิ่งมีชีวิตแล้ว SCP-697ยังดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนเองได้ด้วย พื้นที่ที่มันหกราดออกไปแต่ละครั้งนั้นกว้างกว่าบริเวณที่ถูกมันไหลออกมานองอยู่เสมอ ก่อนที่จะมีการห้ามทดลองนอกศูนย์นั้น ขอบเขตที่ได้รับผลกระทบเคยขยายไปได้ถึงหกกิโลเมตร การใช้ไฟเผาและรมด้วยนีออนตามที่ระบุไปแล้วนั้น สามารถสกัดการขยายตัวของมันอย่างได้ผล

ข้อมูลเพิ่มเติม 697-001 SCP-697หกถังแรกนั้นถูกพบนอกชายฝั่ง█████ แคลิฟอร์เนีย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 20██ โชคดีที่ไม่มีการรั่วไหล แต่เรื่องนี้ก็ทำให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับการกำจัดของเสียของดัสโล a.sอย่างเป็นวงกว้างและทำให้สถาบันสนใจ ในบรรดาถังที่เก็บไว้นั้น สถาบันได้เก็บเพิ่มมาห้าสิบถังในช่วงเวลาหกเดือนหลังจากนั้น ส่วนที่เหลือนั้นค่อยๆถูกเก็บมาตามเวลา ในขณะนี้ อัตราเฉลี่ยของการค้นพบถังSCP-697อยู่ที่หนึ่งถังต่อสามสัปดาห์
Kuruni   12-14-2012, 02:18 PM
#23
ใครอยากได้บ้านที่กว้างขึ้นสักสองสามห้องบ้าง?

SCP-1452
Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ
ตัวอย่างที่ยังไม่โตเต็มที่หนึ่งตัวของSCP-1452นั้นถูกขังไว้ในห้องกักกันขนาด 8x7x8 เมตร ที่ศูนย์77 แผนกกักกัน Euclid ผนังของห้องนี้ทำจากหินธรรมชาติ และพื้นฉาบด้วยแก้วหนา15มิลลิเมตร หากSCP-1452รวมตัวกับห้องกักกัน ก็ให้รื้อแยกมันออกมาจากห้องแล้วย้ายไปไว้ที่อื่น SCP-1452ที่ยังไม่โตเต็มที่นอกการกักกันนั้นให้เผาทิ้งและทำลายอาคารที่เชื่อมต่อกับมันด้วย ส่วนSCP-1452ที่โตแล้วนั้นให้เผาจนเหลือแต่เถ้า

ลักษณะ
SCP-1452นั้นเป็นส่วนต่อเติมของอาคารที่อยู่อาศัยซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไป มีขนาดเฉลี่ยที่ 5x5x5 เมตร SCP-1452นั้นเคลื่อนที่ได้ และจะเคลื่อนไหวช้าๆโดยการกระเถิบตัวเองในอัตรา10เมตรต่อชั่วโมง

เมื่อSCP-1452สัมผัสกับอาคารที่อยู่อาศัยซึ่งว่างอยู่ SCP-1452ก็จะรวมตัวเองเข้ากับอาคารเหมือนเป็นการต่อเติม เมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้น SCP-1452ก็จะเข้าสู่ภาวะสงบนิ่งจนกว่าจะมีคนมาอาศัยอยู่ในSCP-1452 การพยายามเข้าไปในSCP-1452ก่อนที่มันจะรวมตัวจะพบว่าข้างในเป็นคอนกรีตหรือไม้หนาล้วนๆ

การรวมตัวSCP-1452เข้ากับอาคารนั้นใช้เวลา15-45ชั่วโมง โดยตอนแรกมันจะเรียงตัวเองเข้าชิดกับบ้านด้านขวาหรือด้านซ้าย โดยSCP-1452จำนวนมากนั้นชอบด้านขวามากกว่า จากนั้นSCP-1452ก็จะส่งเสียงของค้อน เลื่อย และสว่านเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อเสียงเงียบลง กำแพงส่วนที่สัมผัสกับSCP-1452ก็จะหายไป 2x1 เมตร และมีประตูเข้ามาแทนที่ ซึ่งตอนนี้ SCP-1452ก็จะประดับภายในตัวเองเรียบร้อยแล้ว

ที่อยู่อาศัยซึ่งมีคนอยู่กับSCP-1452นั้นจะค่อยๆเกิดการเสื่อมสลายทางโครงสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านจะใช้การไม่ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ยกเว้นแต่ที่อยู่ในSCP-1452 SCP-1452นั้นจะโตขึ้นพร้อมกับที่บ้านค่อยๆทรุดโทรม มีห้องและสิ่งของเครื่องใช้เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ประมาณสามเดือนหลังจากที่เริ่มการเสื่อมสลาย บ้านก็จะพังและถูกSCP-1452ทดแทนจนหมด ถึงตอนนี้ SCP-1452ก็จะโตเต็มที่แล้วและเริ่มมีลักษณะผิดปกติอย่างที่สอง

SCP-1452ที่โตเต็มที่แล้วนั้นจะสร้างSCP-1452ที่ยังไม่โตเพิ่มออกมา โดยพวกมันจะไปรวมตัวกับบ้านที่อยู่ใกล้ๆSCP-1452 ภายในของSCP-1452ที่โตแล้วนั้นจะค่อยๆถูกวัสดุเดิมของอาคาร เช่น ไม้หรือคอนกรีต เติมจนเต็ม และมันจะสร้างSCP-1452เพิ่มไปเรื่อยๆจนกว่าจะถูกทำลาย

SCP-1452นั้นถูกพบครั้งแรกในเมืองแดนวิลล์ มลรัฐเพนซิลวาเนีย หลังจากที่ประชาชนในพื้นที่ยากไร้รายงานว่าบ้านของพวกเขาถูกต่อเติมเองในชั่วข้ามคืน เจ้าหน้าที่สืบสวนของสถาบันได้พบSCP-1452ที่โตเต็มที่แล้วจำนวนมาก และที่ยังไม่โตอีกหนึ่งตัวกำลังรวมตัวกับบ้าน เนื่องจากมีบ้านที่ติดSCP-1452 อยู่เป็นจำนวนมาก ย่านนั้นจึงถูกทำลายจนราบโดยใช้ข้ออ้างเรื่องมีการปล่อยสารพิษในบริเวณนั้น SCP-1452ได้รับการจัดระดับเป็น Euclid ในวันที่ 09/18/1997
Mysticphoenix   12-14-2012, 02:33 PM
#24
ญาติกับบันไดในฮอกวอร์ตป่าว

[Image: webboard%20signature1_zpskhtut2jg.png]
การทำอาหารที่อร่อยที่สุด และเดือดร้อนชาวบ้านมากที่สุด กำลังจะเริ่มขึ้น
arkman   12-14-2012, 03:02 PM
#25
แล้วมันกินคนที่อาศัยอยู่ในตัวมันไหมเนี่ย หรือเป็นอันตรายเฉพาะที่อยู่อาศัยเท่านั้น

Show ContentSpoiler:
[Image: Signature-Ralph.png]
Kuruni   12-14-2012, 07:46 PM
#26
คงไม่กินคนหรอกครับ แต่จะทนอยู่บ้านแบบนั้นได้แค่ไหน

จะย้ายของเข้าไปในตัวมันก็น่ากลัวว่าจะมีห้องไม่คบแฮะ ประมาณ สามห้องอ่านหนังสือ หนึ่งห้องดูทีวี ไม่มีห้องนอน ไม่มีครัว ห้องน้ำก็ไม่มีส้วมในตัว และถึงทนอยู่ได้ พอมันเริ่มถมตัวเองก็คงไม่ไหวแล้ว
Kuruni   12-19-2012, 11:29 PM
#27
ใครไม่ชอบต่อเติมบ้าน แต่อยากย้ายเลยก็ไปที่นี่ได้ครับ

SCP-599
Euclid

มาตรการกักกันพิเศษ
ให้ปิดกั้นSCP-599ไว้ในศูนย์██ ซึ่งได้รับการดัดแปลงให้ดูเหมือนภูเขาเมื่อมองจากภายนอก การดัดแปลงต่อเติมศูนย์██โดยไม่ได้รับอนุญาตจะทำให้มันถูกทำลายจนราบคาบ ห้ามมิให้ทำการติดต่อสื่อสารกับภายนอกจากในศูนย์██ไม่ว่าในกรณีใดๆ บุคลากรทุกคนที่เข้าไปในSCP-599จะได้รับการตรวจสภาพจิตอย่างละเอียดเมื่อกลับมาแล้ว

ลักษณะ
SCP-599นั้นเป็นเมืองเล็กๆใน[ข้อมูลปกปิด]ซึ่งมีประชากรประมาณ700คน ผู้ที่อาศัยอยู่ในSCP-599เรียกมันว่า ██████████ SCP-599นั้นไม่ปรากฏในแผนที่ใดๆในแถบนั้นหรือถนนที่ไปที่นั่นเลย

SCP-599ได้รับสถานะเป็นSCPเมื่อสถาบันพบว่าประชากรในเมืองนี้ทุกคนมีลักษณะและชื่อตรงกับบุคคลที่หายสาบสูญไปจากเมืองใกล้เคียงในช่วงสิบปีก่อนหน้า เมื่อถูกถามเรื่องนี้ คนที่อยู่ในSCP-599ยืนยันว่าตนอาศัยอยู่ที่นั่นมาตลอด ก่อนจะเสริมว่าตนกำลัง”อยากได้เพื่อนบ้านใหม่”เสมอทุกครั้ง บุคลากรของสถาบันที่เข้าไปในSCP-599จะถูกคนที่อยู่ในนั้นชวนให้ซื้อบ้านในSCP-599อย่างแข็งขัน การปฏิเสธอย่างถึงที่สุดนั้นจะได้รับการตอบสนองอย่างไม่เป็นมิตร แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีรายงานเรื่องการใช้ความรุนแรงก็ตาม

ข้อมูลเพิ่มเติม ปูมบุคคลของเจ้าหน้าที่ ██████ (รหัส เจ้าหน้าที่ อโพคาเลมูร์)

██/██/████
วันที่ 1

มาถึงเมือง██████████อันแสนลึกลับแล้ว เมืองนี้ไม่ปรากฏในแผนที่ และถนนที่มาที่นี่ก็ไม่มีป้ายบอกอะไรทั้งนั้น สถาบันได้จัดอันดับ██████████เป็นSCPแล้ว ผมมาที่นี่เพื่อตรวจสอบระดับอันตรายของสิ่งที่ถูกเรียกว่าSCP-599นี้

พอมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นทีเดียว ราวกับพวกเขารู้อยู่แล้วว่าผมจะมาอย่างนั้นล่ะ...

เดินทางมาเหนื่อยชะมัด พวกชาวเมืองให้ผมพักในโรงแรมใกล้ๆ ผมลังเลที่จะค้างคืนในSCPแต่ก็ดูจะไม่มีทางเลือก ผมเช็กอินด้วยชื่อปลอมกับบัญชีธนาคารที่สถาบันเตรียมไว้ให้ ดูจากสมุดรายชื่อแขกที่เข้าพักแล้ว ไม่มีใครมาที่นี่นานพอดู...


██/██/████
วันที่ 2

ได้ยินเสียงในโรงแรมทั้งคืน ในรายชื่อแขกยังมีแค่ผมคนเดียว

พยายามรวบรวมข้อมูลของคนที่อาศัยอยู่ในSCP-599 ที่ศาลากลางมีทะเบียนชื่อและที่อยู่ของชาวเมืองทุกคน แต่ไม่มีบันทึกวันเกิดหรือเสียชีวิต

มีคนถามผมสามครั้งเรื่องจะย้ายมาอยู่ที่██████████ ทุกครั้งผมก็ตอบไปว่า”กำลังคิดอยู่” ว่ากันแล้วก็ไม่ได้โกหกหรอกนะ ผมคิดอยู่ว่า ไม่เอาล่ะ


██/██/████
วันที่ 3

เช้านี้ประตูถูกปลดล็อก ก่อนหน้านี้ล็อกจากข้างในแล้ว มีคนรื้อของผมแต่ไม่มีอะไรหาย แต่ในนั้นก็ไม่มีอะไรที่ระบุตัวจริงของผมได้อยู่แล้ว

ผมเจอถนนในแถบที่พักอาศัยซึ่งผมแน่ใจว่าเมื่อวานมันไม่อยู่ตรงนั้นแน่ เจอบ้านหลายหลัง แต่ไม่มีใครอยู่เลย คนที่อยู่แถวนั้นบอกว่าเจ้าของบ้านพวกนั้น”ย้ายไปแล้ว” และเสริมว่า”หลังจากนั้นที่นี่ก็เงียบเหงาจริงๆ” เหมือนเดิม ที่ศาลากลางไม่มีข้อมูลการย้ายออก


██/██/████
วันที่ 4

เมื่อคืนเห็นคนมาทำอะไรลับๆล่อๆที่รถของผม ต้องตั้งสัญญาณเตือนภัยทุกครั้งที่จอดมันไว้สินะ

วันนี้ผมต้องหาอะไรบางอย่างในเมือง ก็เลยลองหาแผนที่ดู ปรากฏว่าไม่มีแผนที่ของเมืองริยำนี่เลยแฮะ แม้แต่ที่ห้องสมุดก็ไม่มี พูดถึงห้องสมุดแล้ว นี่คงเป็นห้องสมุดที่ว่างที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย ไม่มีอะไรสักอย่างที่ให้ข้อมูลเกี่ยวประวัติของกับเมืองนี้ได้ ไม่มีแม้แต่แฟ้มหนังสือพิมพ์เก่า

แต่ผมได้เจอกับเจ้าหน้าที่███████ที่ห้องสมุดนั่น เจ้าหน้าที่███████เป็นคนที่สถาบันส่งมาที่นี่หลังมันได้รับสถานะSCPแล้วก็ไม่เคยรายงานกลับไปเลย ดูเหมือนว่าเขาจะจำผมหรือสถาบันไม่ได้เลย แต่ว่าเขาดูเหมือนจะกระตือรือร้นที่จะชวนให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่มาก พร้อมกับแนะนำให้ผมรู้จักภรรยากับลูกๆของเขาด้วย คนที่เด็กสุดน่าจะอายุห้าขวบเป็นอย่างน้อย เจ้าหน้าที่███████หายตัวไปแค่หกเดือน

ท่ามกลางเรื่องพวกนี้ ผมก็ลืมไปเลยว่าตอนแรกผมกำลังหาอะไร


██/██/████
วันที่ 5

จำได้แล้วว่าเมื่อวานผมหาอะไร ผมรู้สึกตัวว่ามีอะไรหลายๆอย่างหายไปจากที่นี่ ที่นี่ไม่มีสุสาน ไม่มีโรงเผาศพ ไม่มีโรงเก็บศพ ไม่มีคนทำป้ายหลุมศพ แล้วก็ไม่มีโรงพยาบาลด้วย

██/██/████
วันที่ 6

นี่มันเกิดบ้าอะไรวะเนี่ย? ผมเปิดก๊อกน้ำในโรงแรมจะแปรงฟัน น้ำไม่ไหล ที่ผมได้คือเสียงซู่ๆกับกลิ่นก๊าซธรรมชาติ ตอนเปิดฝักบัวกับกดชักโครกก็เหมือนกัน

พอกันที ผมจะไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!


██/██/████
ผมเขียนส่วนนี้จากที่ปลอดภัยในโรงแรมที่มีชื่อเสียงใน[ข้อมูลปกปิด] ให้ผมเล่าย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่ผมพยายามออกมาจากSCP-599หน่อยนะ

อันแรก สลักประตูห้องพักของผมไม่ยอมขยับเขยื้อน ผมต้องพังหน้าต่างหนีออกมา ตอนที่ออกมานั่น ผมแน่ใจว่าได้ยินเสียงฝักบัวกับก๊อกน้ำไหล...

รถของผมย้ายไปอีกด้านของลานจอดรถได้ยังไงก็ไม่ทราบ

ทันทีที่ผมออกจากลานจอดรถก็มีพายุฝนฟ้าคะนอง ตั้งแต่ผมไปที่นั่นก็เพิ่งเจอลมเป็นครั้งแรก

ถนนหลักสองสายถูกปิด สายแรกเพราะ”อยู่ระหว่างการก่อสร้าง” อีกสายเป็นเพราะ”สายไฟขาดตกลงมา”

รถสักโหลได้เสียอยู่กลางสี่แยก

สุดท้าย ที่สี่แยกสุดท้ายก่อนออกจากเมือง จู่ๆไฟจราจรก็กลายเป็นไฟแดงโดยไม่ขึ้นไฟเหลืองก่อน แล้วก็ค้างไว้แบบนั้นครึ่งชั่วโมง ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่าช่างหัวมันแล้วก็เหยียบคันเร่งจนมิด สายเคเบิลที่ให้ดึงไฟนั่นขาดตอนที่ผมขับรถลอดผ่านไป ไฟสัญญาณเฉียดรถผมไปนิดเดียว

ถ้าสถาบันยังหวังว่าจะให้ผมทำงานแบบนี้อีกล่ะก็ พวกคุณต้องจ่ายค่าแรงผมมากกว่าตอนนี้เยอะเลยล่ะ


หมายเหตุ ไม่อนุมัติการขึ้นเงินเดือน ขอต้อนรับสู่สถาบัน ทำตัวให้ชินไว้ล่ะ – O5-6
This post was last modified: 12-19-2012, 11:30 PM by Kuruni.
Nazuth Away   12-19-2012, 11:59 PM
#28
หลอนเล็กๆประมาณไซเลนฮิลล์เลย

[Image: 76561198134933497.png]
Show ContentFanPage:


Kuruni   02-09-2013, 02:52 PM
#29
ไม่ได้ลงซะนานแฮะ

SCP-1025
Keter Safe

มาตรการกักกันพิเศษ
เนื่องจากมันมีโอกาสที่จะเป็นอาวุธชีวภาพที่ทำลายทุกชีวิตบนโลกนี้ได้ จึงให้เก็บSCP-1025ไว้ในตู้นิรภัยใต้ดินห่างไกลชุมชน โดยมียามติดอาวุธเฝ้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยให้ย้ายวนไปที่อื่นสองครั้งต่อสัปดาห์ และทำการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันโรคระบาด ตู้นิรภัยนี้ให้ติดตั้งระเบิดเพลิงไว้เพื่อใช้งานทันทีเมื่อเกิดการกักกันรั่วไหล

ฉบับแก้ไข ให้เก็บSCP-1025ไว้ในลิ้นชักล็อกด้วยรหัสผ่าน การวิจัยเพิ่มเติมจากนี้ต้องได้รับอนุญาตจาก O-5

ลักษณะ
SCP-1025เป็นหนังสือปกแข็ง หนาประมาณ 1.500 หน้า ที่ปกและสันหนังสือนั้นเขียนชื่อหนังสือไว้ว่า “The Encyclopedia of Common Diseases (สารานุกรมโรคทั่วไป)” หน้าผู้จัดจำหน่ายระบุว่ามันถูกตีพิมพ์ในปี 19██ โดยสำนักพิมพ์ █████ ไม่เคยพบหนังสือชื่อนี้ที่จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์นี้อีก และไม่มีข้อมูลในทะเบียนของสำนักพิมพ์นี้ด้วย

คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีอาการของโรคตามที่ได้อ่าน ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ █ ถึง ██ ก่อนจะแสดงอาการ (ดูบันทึกการทดลอง)

ข้อมูลเพิ่มเติม 1025-01: บันทึกการทดลอง

ผู้ทดลอง: D-1025-01
การทดลอง: ให้ผู้ทดลองอ่านหัวข้อชื่อ “ไข้หวัดธรรมดา” และสังเกตอาการเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อมา
ผลลัพธ์: ผู้ทดลองเริ่มไอหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง และเมื่อถามแล้วก็บอกว่า “เมื่อยตัวนิดหน่อย” แต่เขาบอกว่าน่าจะเป็นเพราะตารางการพักผ่อนไม่ดีมากกว่า

ผู้ทดลอง: D-1025-02
การทดลอง: ให้ผู้ทดลองอ่านหัวข้อชื่อ “โรคอีสุกอีใส” และสังเกตอาการเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อมา
ผลลัพธ์: ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง ผู้ทดลองก็เกาตามตัวตามตัวอย่างหนักไม่น้อยกว่าห้าแห่ง ประวัติการแพทย์ของผู้ทดลองระบุว่าเคยเป็นอีสุกอีใสมาแล้วตอนอายุ 8 ปี เป็นหลักฐานว่ามันสามารถหักล้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้

ผู้ทดลอง: D-1025-03
การทดลอง: ให้ผู้ทดลองอ่านหัวข้อชื่อ “มะเร็งปอด” และสังเกตอาการเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อมา การทดลองครั้งนี้เป็นไปเพื่อดูความสามารถของวัตถุในการเร่งอาการของโรค
ผลลัพธ์: ผู้ทดลองไอทั้งหมด 4 10 6ครั้ง ในช่วงเวลา█ชั่วโมง ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ทดลองบอกว่าเขารู้สึกสบายดี แต่สังเกตได้ว่าการหายใจของเขาผิดปกติ ผู้ทดลองถูกกำจัดและส่งไปชันสูตร ไม่พบเนื้องอก
หมายเหตุ: เห็นได้ชัดเลยว่าเรารอไม่นานพอ แต่เราทุกคนก็ได้ยินเสียงไอกับที่เขาหอบ

ผู้ทดลอง: D-1025-04
การทดลอง: การทดลองเหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่เพิ่มเวลาสังเกตการณ์เป็น 7 วัน
ผลลัพธ์: มีการไอและหอบมากเกินกว่าจะเป็นเหตุปกติได้ ผู้ทดลองถูกกำจัดและส่งไปชันสูตร ไม่พบเนื้องอก
หมายเหตุ: ถ้าอาการป่วยมันหายไปเมื่อเจ้าตัวตายล่ะ? แบบนี้การระบาดก็ยิ่งพบยากขึ้นอีก

ผู้ทดลอง: D-1025-05
การทดลอง: การทดลองเหมือนกับครั้งที่แล้ว
ผลลัพธ์: เหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่ผู้ทดลองถูกส่งไปชำแหละเป็นๆ ใช้เวลา[ข้อมูลปกปิด]ชั่วโมงจึงเสียชีวิตจากอาการช็อก ไม่พบเนื้องอก
หมายเหตุ: เราต้องดำเนินการต่อ ลองคิดว่ามันเป็นพาหะสิ ลองคิดว่าถ้ามีหนังสือแบบนี้อยู่อีกสิ

[ข้อมูลการทดลองส่วนนี้ถูกตัดออกไปเพื่อความกะทัดรัด กล่าวโดยสรุป การทดลองแต่ละครั้งใช้Dคลาสหนึ่งคน อ่านหัวข้อหนึ่งจากวัตถุ แล้วนำไปทดสอบหรือชำแหละเป็นๆเพื่อหาร่องรอยการติดเชื้อตามอาการ หลังการทดลองครั้งที่ 15 การวิจัยได้ย้ายไปที่ศูนย์วิจัยโดดเดี่ยวที่ ████, ██ โดยมีนักวิจัย 3 คน กับยาม 2 คน และส่งDคลาสไปครั้งละครเพื่อลดการใช้งานพื้นที่และอาหาร]

ผู้ทดลอง: D-1025-27
การทดลอง: ให้ผู้ทดลองอ่านหัวข้อชื่อ “ไส้ติ่งอักเสบ” ผู้ทดลองเคยได้รับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมาแล้วเมื่ออายุ 16 ปี ใช้เวลาสังเกตการณ์ 3 วัน
ผลลัพธ์: เมื่อผ่านไป 52 ชั่วโมง ผู้มดลองก็บอกว่าปวดท้อง รู้สึกไม่ดีในช่องท้อง ดำเนินการชำแหละเป็นๆ ไม่พบไส้ติ่ง แต่ตรงที่ควรเป็นไส้ติ่งนั้นออกจะแดงกว่าปกติเล็กน้อย ตามความเห็นเป็นเอกฉันท์ของทีมวิจัย

ผู้ทดลอง: D-1025-28 (อดีตนักวิจัย ████ ██████)
การทดลอง: ผู้ทดลองไออย่างหนักแม้จะไม่ได้อ่านSCP-1025 จึงถูกขังไว้ดูอาการเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ผลลัพธ์: 6ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลา 0930 ของวันที่ 7 ผู้ทดลองดูเหมือนจะสูงขึ้นจากวันก่อนเล็กน้อย ซึ่งได้รับการระบุว่าเป็นความสามารถของวัตถุที่สามารถสร้างอาการเจ็บป่วยนอกเหนือจากที่เหยื่อศึกษาอยู่ได้ แม้จะไม่เคยอ่านวัตถุตรงๆเลย ได้พิจารณาดำเนินการชำแหละทั้งเป็น แต่ขณะนี้ให้ระงับไว้ก่อน
หมายเหตุ: ████หนีไปแล้ว! ไอ้บ้านั่นออกไปได้ยังไงก็ไม่รู้! พวกเรามันโง่! ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นเป็นอาการพื้นๆของSCP-016 ที่ปรับตัวให้เข้ากับการถูกขังในห้องนั้น ใครจะไปรู้หรือสนว่าเขาเป็นอันไหนก่อน? มีตะแกรงบนเพดาน พอสูงขึ้นไม่กี่ฟิต ผอมลงไม่กี่นิ้ว เขาก็เข้าไปได้สบาย ตอนนี้เขาคงอยู่ข้างนอกแล้ว เล็บงอกยาว แล้วก็อ้วกออกมาเป็นเลือดติดเชื้อไปทั่ว พร้อมกับพาโรคที่ยังไม่แสดงอาการอีกไม่รู้กี่ชนิดไปด้วย SCP-008? SCP-742? โอพระเจ้า ถ้าเขาเป็น SCP-217ขึ้นมาล่ะ?



ข้อมูลเพิ่มเติม 1025-02
วันที่█/█/██ ได้ส่งทีมเก็บกู้ไปที่ศูนย์วิจัยหลังจากที่ไม่มีการติดต่อจากศูนย์เป็นเวลา 72ชั่วโมง เจ้าหน้าที่พบนักวิจัย █████ ████ กับ ███ ████ ขังตัวเองอยู่ในห้องสังเกตการณ์ ทั้งคู่สวมชุดป้องกันชีวภาพอยู่ ถังอากาศถูกใช้เกือบหมดแล้ว เจ้าหน้าที่█████ ███คลานอยู่ในช่องลมโดยชักอาวุธปืนไว้ นักวิจัย████ ██████ขังตัวเองไว้ในเรือนพัก โดยมีเครื่องพ่นไฟทำเองจากสเปรย์ปรับอากาศกับไม้ขีดไฟ จากการสัมภาษณ์ในภายหลังจึงทราบว่า██████ไม่ได้ปีนออกไปทางช่องลม แต่ใช้รหัสประจำตัวออกจากห้องตอนที่นักวิจัยคนอื่นๆหันเหความสนใจ เจ้าหน้าที่███████ █████เสียชีวิตอยู่ในตู้เก็บของที่ล็อกไว้จากด้านใน โดยมีขวดน้ำกับกล่องอาหารสำเร็จรูปเปล่าๆอยู่เป็นจำนวนมาก ประตูถูกปิดไม่ให้อากาศเข้าโดยใช้ถุงขยะกับเทปกาว

หมายเหตุ
หลังจากที่ตรวจดูบันทึกการทดลองแล้ว ผมขอให้ทำการประเมินใครก็ตามที่อนุมัติให้ใช้ Dคลาส 27 คน ศูนย์วิจัยโดดเดี่ยว กับบังเกอร์ใต้ดินพิเศษ ไปกับบ่อละลายเงินนี่ โดยทันที เราไม่เจอพาหะของโรค-ที่ผิดปกติ-ในบริเวณที่ใช้วิจัยวัตถุชิ้นนี้แม้แต่ตัวเดียว และพนักงานทุกคนก็ผ่านการตรวจสภาพจิตเมื่อปีก่อนมาแล้วด้วย ผมไม่รู้นะว่ามีคนในสายการบังคับบัญชาที่โดนอาการ”อุปาทานว่าคนอื่นเป็นโรค”นี่ไปเท่าไหร่ และพูดตรงๆนะ ผมไม่คิดว่ารู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา เก็บมันไว้ในกล่อง ล็อกกุญแจ และเพื่อเห็นแก่พระเจ้า เลิกกลุ้มเพราะมันซะ – O5-



(สรุปก็คือ มันทำให้คนอื่นวิตกจริตคิดว่าคนที่อ่านมันเป็นโน่นเป็นนี่นั่นล่ะครับ)
Kuruni   02-12-2013, 11:08 PM
#30
SCP-679
Keter

มาตรการกักกันพิเศษ
ตัวอย่างของSCP-679นั้นให้เก็บไว้ในหลอดแก้วปิดผนึกซึ่งควบคุมระดับอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศา ผู้ที่ติดเชื้อนั้นให้คุมตัวไว้ในพื้นที่ปลอดเชื้อ บุคลากรที่ต้องดูแลวัตถุหรือผู้ติดเชื้อนั้นต้องสวมชุด HAZMAT ระดับ A สิ่งของหรือวัตถุติดเชื้อที่นำออกมานอกพื้นที่กักกันนั้นให้ทำการเผาทำลายทันที

ลักษณะ
SCP-679เป็นเชื้อราซึ่งเดิมไม่เป็นที่รู้จักในสายพันธุ์ Aspergillus ซึ่งถูกคนพบในหมู่คนเร่ร่อนของเมือง███████ ฟลอริดา

มันสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายมากเพียงการสัมผัสกับเชื้อราเอง แต่การติดต่อทางอื่นก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่

ในระยะแรกนั้น ผู้ติดเชื้อจะร้องถึงอาการเห็นภาพเป็นจุดๆในตา (entoptic phenomenon) โดยเห็นจุดจ้าเล็กๆเคลื่อนไหวในตาตลอด ซึ่งอาการนี้จะชัดเจนมากเมื่อจามหรือมองแสงสีฟ้าจ้าๆ

ประมาณหนึ่งอาทิตย์หลังจากได้รับเชื้อ เปลือกลูกตาก็จะกลายเป็นสีดำ ผู้ติดเชื้อจะตาบอดในระยะนี้ ภายในหนึ่งวัน ก็จะเกิดแผลเปื่อยที่มุมตา ทำให้ก้อนใสในโพรงลูกตาระหว่างเรตินาและเลนส์ตา (vitreous humor) ไหลออกมา ดูแล้วเหมือนกับเป็นน้ำตาสีดำ

เส้นใยของราก็จะยื่นออกมาจากแผลเปื่อย ใยแต่ละเส้นจะดูเหมือนด้ายสีขาวอาบเมือก มีความยาวได้ถึง 25 เซนติเมตร เมื่อแผลกว้างขึ้นแล้วก้อนใสไหลออกมามาขึ้น เส้นใยที่ยื่นออกมาก็จะมากขึ้นด้วย

ถึงระยะนี้ ลูกตาก็จะเปื่อยไปหมด โดยมีราเป็นตัวเร่ง แต่ดูเหมือนว่ามันจะปกป้องเบ้าตาและประสาทที่เหลือไว้ โดยสามารถป้องกันผู้ติดเชื้อจากการติดเชื้อชนิดอื่นๆได้ 80 - 90% เมื่อลูกตาหายไปหมดแล้ว ในเบ้าตาก็จะเต็มไปด้วยรา และมีเส้นใยยื่นออกจากจากเบ้าตากลวงๆ กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์นับแต่ที่เกิดแผลเปื่อย

เมื่อดวงตาหายไปแล้ว เชื้อราก็จะรุกรามไปยังโพรงจมูก ทำให้มีน้ำมูกมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอาหารของมัน

ถึงตอนนี้ เชื้อราก็จะขยับได้ ใยแต่ละเส้นจะเคลื่อนไหวได้เอง พวกมันจะเลื้อยไปตามใบหน้าโดยดูเหมือนจะไม่มีรูปแบบ

เมื่อราเคลื่อนไหว ผู้ติดเชื้อก็จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง รานั้นดูเหมือนจะเป็นเซลล์ไวแสง และมีปฏิกิริยาที่ยังเข้าใจได้น้อยมากกับเส้นประสาทตา ผู้ติดเชื้อรายงานว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นปกติ (และบางครั้งก็ชัดกว่าเดิม) แต่มีมุมกว้างกว่าเดิมมาก

ทว่า เมื่อเห็นมนุษย์ที่มีดวงตาเป็นปกติ ผู้ติดเชื้อก็จะเห็นภาพหลอน (ไฟ สัตว์ดุร้าย พื้นเอียงกะทันหัน) ซึ่งดูเหมือนจะทำให้ผู้ติดเชื้อไปทางคนที่เห็น เมื่อเข้าไปใกล้พอ เส้นใยของราก็จะยื่นไปสัมผัสกับตาของคนที่ยังไม่ติดเชื้อ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีขยายพันธุ์ของเชื้อรา

ถึงตอนนี้ การรักษาทำได้เพียงในระยะแรกสุดเท่านั้น หากเปลือกลูกตาเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว การรักษาก็ทำได้เพียงผ่าตัดและขูดเอาเนื้อเยื่อในเบ้าตาและโพรงจมูกออกให้หมด

คำขอผู้ทดลองเพิ่มเพื่อใช้ศึกษาวงจรชีวิตและการแพร่พันธุ์ของ SCP-679 นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา
Pages (4):    1 2 3 4   
  
Users browsing this thread: 16 Guest(s)
Powered By MyBB, © 2002-2024 MyBB Group.
Made with by Curves UI.